นอกจากห้องหลักทั้ง 4 ห้องที่กล่าวมาแล้วภายในออฟฟิตยังอาจมีห้องอื่นๆอีกมากมายหลายห้องที่อาจจำเป็นต้องใช้ประโยชน์น้อยกว่า 3 - 4 ห้องที่กล่าวไป แต่ก็จำเป็นต้องใช้อยู่ดี ห้องเหล่านี้ก็ได้แก่ห้องพักผ่อน ห้องเก็บของ ฯลฯ ห้องเหล่านี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้ผ้าม่านหรูหราราคาแพงในการตกแต่งเหมือนห้องอื่นๆในสำนักงาน เนื่องจากไม่ค่อยได้ใช้งานและส่วนมากผู้ที่ใช้ก็เป็นเพียงคนในเป็นหลักจึงไม่จำเป็นต้องทำให้อู้ฟู่หรูหราอวดใคร การติดผ้าม่าน ราคาถูกๆแบบที่ใช้ทั่วๆไปภายในบ้านก็อาจเพียงพอแล้ว โดยอาจเลือกผ้าม่านจีบที่นิยมใช้กันทั่วไปตามบ้านติดแทนมูลี่ หรือม่านม้วนก็ได้ แต่ห้องบางห้องที่มีความต้องการเฉพาะ เราก็สามารถเลือกติดม่านเฉพาะทางอย่างม่านปรับแสงในห้องสำหรับเก็บอุปกรณ์ประเภทเอกสารสำคัญที่ไม่ต้องการให้โดนแดด หรือติดผ้าม่านประเภทมูลี่ในห้องน้ำที่มีโอกาสเปียกบ่อยๆ เป็นต้น จำเอาไว้ว่าสิ่งที่ต้องคำนึงถึงก่อนเป็นอันดับแรกในการติดผ้าม่านออฟฟิตคือการใช้งานได้อย่างเหมาะสม
 
ห้องผู้บริหารแม้จะเป็นห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่และส่วนใหญ่แล้วมีผู้ใช้งานอยู่เพียง 1-2 คน แต่นับว่าเป็นห้องสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงกับความน่าเชื่อถือของบริษัท เนื่องจากเป็นตัวแสดงการให้ความสำคัญกับบุคลากรในตำแหน่งบริหารของบริษัทที่ชี้วัดถึงฐานะ และภาพลักษณ์หลายๆอย่างของบริษัทได้ นอกจากนี้ผู้บริหารหลายบริษัทยังมักใช้ห้องทำงานส่วนตัวเป็นที่รับรองแขก หรือคู่ค้าที่มีความสำคัญมากๆ หรือต้องการคุยธุรกิจที่ต้องการให้เป็นความลับ การตกแต่งห้องผู้บริหารอย่างมีรสนิยมจึงเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะสำคัญมาก การตกแต่งห้องผู้บริหารด้วยผ้าม่านจำเป็นต้องคำนึงถึงเรื่องอื่นนอกจากเรื่องความสวยงาม กับเรื่องการใช้งานด้วย อย่างแรกคือต้องคำนึงถึงความเหมาะสมกับพื้นที่ เนื่องจากห้องผู้บริหารส่วนมากแล้วจะมีพื้นที่จำกัด จึงต้องใช้ม่านที่มีขนาดกระทัดรัด อย่างม่านมูลี่ หรือม่านปรับแสง ซึ่งสอดคล้องกับราคาของม่านพวกนี้ที่มีราคาต่อหลาสูง และอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจคือรสนิยมของตัวผู้บริหารเอง ผู้บริหารบางท่านอาจไม่ใส่ใจกับความหรูหราของผ้าม่าน และเลือกผ้าม่าน ราคาถูกๆทั่วไปเพื่อลดรายจ่ายให้กับบริษัท อันนี้ก็ต้องแล้วแต่คนไป
 
แม้ห้องประชุมจะเป็นห้องที่ไม่ได้ใช้งานบ่อยเท่ากับห้องรับแขก หรือห้องโถงทำงาน แต่ก็นับว่าห้องประชุมเองก็มีความสำคัญไม่แพ้ห้องอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริษัทชั้นนำที่ห้องประชุมเป็นสถานที่รวมบุคลากรฝ่ายบริหารต่างๆในระหว่างการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางการทำงานบริษัท ห้องประชุมจึงควรตกแต่งด้วยผ้าม่านที่มีคุณภาพมากกว่าผ้าม่าน ราคาถูกทั่วๆไป โดยจะต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้งานและความสวยงามมีสไตล์เป็นสำคัญ เหตุที่ต้องสนใจเรื่องความสวยงามเนื่องจากบ่อยครั้งที่จำเป็นต้องใช้ห้องประชุมรองรับแขกผู้มาเยือน ม่านที่ทั้งสวยทั้งดี อย่าง มูลี่ ม่านม้วน หรือม่านปรับแสงจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะแม้ผ้าม่านประเภทเหล่านี้จะมีราคาแพง แต่เนื่องจากห้องประชุมมีขนาดไม่ใหญ่นักเราจึงไม่จำเป็นต้องติดผ้าม่านเป็นจำนวนมากๆ จึงสามารถเลือกผ้าม่านที่มีราคาต่อหลาแพงๆได้นั่นเอง โดยม่านที่ผมแนะนำให้ติดห้องประชุมคือม่านปรับแสงประเภท light out ที่สามารถเปลี่ยนห้องประชุมเป็นห้องมืดสำหรับการนำเสนองานได้ง่ายๆ
 
บริเวณโถงห้องทำงานหรือตัวออฟฟิตนับว่าเป็นส่วนหลักที่สำคัญที่สุดของออฟฟิตก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นส่วนที่พนักงานแทบทั้งหมดของออฟฟิตจะต้องใช้เวลาในวันทำงานอยู่ในนั้นอย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง จึงจำเป็นต้องตกแต่งห้องให้เหมาะกับการอยู่ร่วมกันของคนจำนวนมากอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ นอกจากเรื่องความสะดวกสบายแล้วยังต้องคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดในการทำงานอันเป็นจุดประสงค์หลักของโถงทำงานด้วย การเลือกผ้าม่านติดห้องทำงานหลักของออฟฟิตจึงจำเป็นต้องใส่ใจกับทั้งสองเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เนื่องจากทั้งสองเรื่องนี้ต่างส่งผลกระทบกับประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานเป็นอย่างมาก ผ้าม่านติดห้องทำงานหลักที่ดีอย่างแรกคือจะต้องป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดี ผ้าม่าน ราคาถูกๆที่ขายตามร้านทั่วๆไปอาจไม่เพียงพอ อย่างต่อมาคือจะต้องมีขนาดใหญ่และมีดีไซน์ที่สวยงามไม่ซ้ำซากจำเจ ผ้าม่านอย่างมู่ลี่ และม่านม้วนจึงเหมาะอย่างยิ่งกับการใช้ตกแต่งออฟฟิต เพราะนอกจากจะป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดีแล้วยังช่วยตกแต่งออฟฟิตให้ดูไม่น่าเบื่ออีกด้วย
 
บริษัทที่ใช้อาคารส่วนตัวเป็นที่ตั้งสำนักงานออฟฟิตจะต้องมีโถงทางเข้าที่ชั้นล่างสุด โดยปกติแล้วโถงทางเข้าจะไม่ค่อยได้ใช้ประโยชน์อะไรมากเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆของออฟฟิต แต่โถวทางเข้านี้นับว่าเป็นหน้าเป็นตาสำคัญอย่างหนึ่งของบริษัทเนื่องจากเมื่อมีแขกไปใครมาไม่ว่าจะเป็นลูกค้าที่มาติดต่อธุรกิจ คนที่มาสมัครงาน หรือเจ้าหน้าที่จากบริษัทคู่ค้า จำเป็นต้องผ่านโถงทางเข้าเป็นอันดับแรก สิ่งที่ต้องใส่ใจกับการตกแต่งโถงทางเข้าคือจะต้องสะอาดเรียบร้อย แสดงถึงความเอาใจใส่ดูแล และการรักษาวินัยของบริษัท และอีกเรื่องที่ต้องใส่ใจคือเรื่องของภาพลักษณ์ที่ต้องดูดี เหมาะสมกับฐานะทางสังคมของบริษัท เนื่องจากมีส่วนอย่างมากในการสร้างความมั่นใจให้กับคู่ค้า ด้วยเหตุนี้ผ้าม่านที่นำมาแต่งห้องโถงทางเข้าจึงไม่สามารถใช้ผ้าม่าน ราคาถูกๆที่ใช้ทั่วไปตามบ้านได้ โถงทางเข้าส่วนใหญ่จะอยู่ติดกับทางเข้า ทำให้มักมีความร้อนเข้ามาในโถงได้ง่าย ผ้าม่านที่ดีจึงควรเป็นผ้าม่านที่ป้องกันความร้อนได้เป็นอย่างดี อย่าง ม่านปรับแสง หรือ มูลี่
 
           สวัสดีครับเพื่อนๆวันนี้ผมจะมาพูดถึงการเลือกผ้าสำหรับใช้ในการตัดเย็บผ้าม่าน ก่อนที่เราจะมาตัดเย็บผ้าม่านเราต้องมารู้กันก่อนนะครับว่าผ้าแต่ละชนิดเป็นแบบไหนกันบ้าง เริ่มกันที่ผ้าชนิดแรกคือผ้าม่านทึบ ผ้าที่จะนำมาทำผ้าม่านตัวหลัก หรือในบางครั้งเรียกว่าผ้าทึบนั้น ตัวผ้าเองมีหลายเนื้อมีคุณสมบัติและความสวยงามแตกต่างกันไป ตัวผ้าเป็นผ้าเนื้อบาง มีความเงางาม ดูมีราคามีค่า เนื้อผ้าไม่ค่อยทิ้งตัว เย็บจีบทนแต่เป็นผ้าที่ยับง่าย ผ้าชนิดที่สองคือ ผ้ากำมะหยี่ เนื้อผ้าค่อนข้างหนา แต่เป็นเนื้อผ้าที่นุ่ม ดูหรูหรา เนื้อผ้าทิ้งตัวดี ส่วนมากจะไม่รีดจีบ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติจะดีกว่า ผ้าชนิดที่สามคือผ้าฝ้าย เนื้อผ้ามีทั้งแบบบางและแบบหนา เนื้อผ้าค่อนข้างนุ่ม สีผ้าออกด้านไม่เงา ดูเรียบง่ายสบายสายตา แต่จะอมฝุ่นมากหน่อย ผ้าชนิดที่สี่คือ ผ้าลินินผ้าชนิดนี้เนื้อผ้าหนา ผิวผ้าค่อนข้างหยาบ ดูไปทางธรรมชาติ ผ้าชนิดนี้เย็บม่านจีบเป็นลอนสวยจะสวยมาเป็นพิเศษ
 
       เพื่อนๆครับเพื่อนๆรู้วิธีการเลือกโทนสีของผ้าม่าน หรือไม่ งั้นเรามาดูกันดีกว่าว่ามีโทนสีอะไรบ้างเริ่มกันเลยดีกว่าครับเพื่อนๆ อันดับแรกเราไปที่สีโทนร้อน สีโทนร้อนและสดใส เช่นสีส้ม สีเหลือง สีแดงและสีม่วง สีโทนนี้จะกระตุ้นให้มีอารมณ์ไปทาง ความสดใส ตื่นเต้นเร้าใจ สดชื่น อยุ่ตลอดเวลา อันดับที่สองสีโทนเย็น (ไม่ใช่สีโรงเย็นนะครับ555) สีโทนเย็นมีหลากหลายสีเช่นสีฟ้าสดใส สีเขียว สีม่วง สีน้ำเงินเป็นต้น สีโทนเย็นจะช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายอยู่ตลอดเวลา สงบ สบายๆ แล้วผ่อนคลายถึงที่สุด อันดับที่สามสีที่ตัดกัน สีม่วงเหลือง สีแดงเขียว สีน้ำเงินส้ม โทนสีตัดกันแบบนี้จะให้ความรุ้สึกสนุกสนาน คึกคัก เพิ่มสีสันที่แปลกใหม่ เพิ่มบรรยากาศที่สดใส เห็นไหมครับเพื่อนๆเราไม่จำเป็นต้องใช้ลวดลายบนผ้าม่านเพื่อเพิ่มความสวยสดใสให้กับม่านของเรา เพียงเราใช้สีต่างๆของผ้ามาเพื่อช่วยเพิ่มความสดใสแทนก็สวยไม่แพ้กันเลย เพื่อนๆลองนำไปใช้ดูนะครับเราจะได้ไม่ต้องเสียเงินมากในการซื้อม่านลวดลาย
 
       เพื่อนๆทุกคนผมว่าหลายๆคนคงยังไม่รู้จักผ้าม่านครบทุกชนิดใช่ไหมล่ะครับวันนี้ครับผมมีผ้าม่านชนิดหนึ่งที่ในความรู้สึกของผม ผมว่ามันแปลกนะครับเพราะตัวผมเองเพิ่งรู้จักเมื่อไม่นานมานี้เอง ชื่อของผ้าม่านอันนี้ก็คือ ผ้าม่านควบคุมแสง ครับ เพื่อนๆหลายคนคงจะเพิ่งเคยได้ยินใช่ไหมคับ และก็ยังคง งง ว่าผ้าม่ามควบคุมแสงมันคืออะไร วันนี้ครับผมจะมาบอกให้เพื่อนๆได้หายสงสัยในเรื่องนี้  ผ้าม่านชนิดนี้เป็นเหมือนผ้าม่านทั่วไปนั่นแหละคับแต่ความแตกต่างอยู่ที่จุดประสงค์ในการใช้มันต่างหาก จุดประสงค์ก็คือ การติดเข้ากับห้องของท่านเพื่อประสิทธิภาพในการควบคุมแสงดียิ่งขึ้น ลองเลือกแบบโดยแบ่งเป็นหลายๆแบบเช่น แบบผ้าม่าน ม่านจีบ ม่านพับ ซึ่งม่านแต่ละแบบสามารถควบคุมแสงได้ต่างกัน ประโยชน์ข้อต่อมาคือความเป็นส่วนตัวของห้อง โดยที่ไม่ให้แสงมารบกวนเวลาพักผ่อน โดยเลือกจากเนื้อผ้า ผ้าหนาดูมิดชิด ผ้าบางมองเห็นบ้าง อันนี้จะป็นการควบคุมแสงชั้นดี
 
       เพื่อนๆ   รู้กันไหมว่าผ้าม่านของแต่ล่ะห้อง ทำไมถึงต้องมีลวดลายที่แตกต่างกัน วันนี้ผมจะมาบอกให้เพื่อนๆฟังครับ ที่เพื่อนๆเห็นตามบ้านทั่วไปส่วนมากผ้าม่านของเค้าจะเป็นสีพื้นดูเรียบใช่ไหมล่ะครับ เพราะอะไรรู้ไหมเพราะทุกคนเค้าคิดว่าถ้าเราใช้ม่านที่มันมีลวดลายอาจจะทำให้ดูเชยนั่นเอง แต่ถ้าเรารู้จักวิธีจัดลวดลายของผ้าม่านให้เข้ากับห้องปัญหานี้ก็คงไม่เกิดและยังเป็นการเอาใจเด็กหรือครอบครัวที่มีลูกแล้ว เพราะเด็กคงจะชอบผ้าม่านลายการ์ตูนมากกว่าผ้าม่านสีพื้นเป็นแน่ มาเริ่มกันดีกว่าครับ ห้องแรก ห้องรับแขกนี่เหมาะกับผ้าม่านลวดลายไปทางสไตล์ผ้าไหม เพราะเราต้องเอาไว้สำหรับรับแขกที่มาเยี่ยมเราที่บ้านอาจจะมีแขกที่เป็นผู้ใหญ่หรือผู้สูงอายุ จะทำให้ห้องดูดี ดูหรูหรา ห้องนอนเราใช้ผ้าม่านลวดลายสไตล์ออกแนวธรรมชาติจะดีกว่าเพราะสีเขียวที่เป็นสีของธรรมชาติมันจะช่วยให้เราผ่อนคลายและสดชื่นเสมอ ห้องน้ำเราน่าจะใช้ผ้าม่านลวดลาย ไปในทางของน้ำทะเลหรือพวกปลาต่างๆจะเหมาะสมเพราะมันจะทำให้ดูสดชื่น
 
          วันนี้ครับผมมีวิธีการซักผ้าม่าน มาเล่าสู่กันฟังครับ ผมคิดว่าบ้านเพื่อนๆที่มีผ้าม่านบางคนคงจะไม่อยากเสียเงินเพื่อจ้างคนอื่นซักใช่ไหมล่ะครับ เพราการซักผ้าม่านแต่ล่ะครั้งไม่ใช่ว่าจะราคาถูก ถ้าเรารู้จักวิธีซักผ้าม่านด้วยตัวเองได้ก็จะทำให้ประหยัดเงินได้มากขึ้นใช่ไหมล่ะครับ วันนี้แหละผมจะบอกวิธีการซักผ้าม่านด้วยตัวเองจะได้ไม่เสียเงิน ขั้นตอนแรกให้เรานำผ้าม่านลงมาจากรางม่าน แต่ว่าม่านบางชนิดก็มีวิธีของมันต้องลองดูวิธีใช้ให้ดี ถ้าเราทำได้แบบนั้นแล้วเราก็นำม่านไปแช่ไว้ก่อนสักประมาน1-2 วันเพราะบางบ้านกว่าจะนำผ้าม่านออกมาซักทีก็นานมาก ทำให้มีฝุ่นเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราควรแช่ผ้าม่านไว้ก่อน จากนั้นรอเวลาให้ครบตามที่กำหนดแล้วให้เราเทน้ำทิ้งแล้วใส่น้ำใหม่ น้ำใหม่ต้องผสมผงซักฟองไปด้วย จากนั้นก็แช่ไว้สักครึ่งชั่วโมง แล้วล้างออกจากนั้นนำไปปั่นในเครื่องซักผ้าให้ใช้โหมดผ้าหนาพอปั่นเสร็จจึงนำไปปั่นแห้งจากนั้นพอผ้าม่านแห้ง อาจจะมีรอยยับเราก็นำเตารีดไอน้ำมารีดแล้วจึงนำผ้าม่านไปใส่ไว้ที่เดิม